Derma Roller คือเทคนิคการใช้เข็มกับผิวหน้า ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้าง ส่วนประโยชน์จากการใช้ลูกกลิ้งนวดหน้านั้นจะช่วยทำให้ริ้วรอยลึกและแผลเป็นที่เป็นหลุมนั้นอ่อนนุ่มลงและตื้นขึ้น
ลูกกลิ้งนวดหน้า – Derma Roller
Dr.Philippe Simonin ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้ตีพิมพ์บทสรุปใน Baran’s Cosmetic Dematology ในปี 1994 ซึ่งเขาตั้งชื่อวิธีการนี้ว่า Electroridopuncture (ERP) และการแพทย์ในวงกว้างก็ยังไม่ทราบเกี่ยวกับวิธีรักษาแบบนี้มากนัก ในการศึกษานี้นั้น Dr.Philippe ได้ทดลองกับผู้ป่วยจำนวน 600 คน โดยเขาได้แบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าเหี่ยวย่น และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็นเก่า เขาได้ทำการรักษาให้กับผู้ป่วยทุกคน คนละ 10 ครั้ง พบว่าผู้ป่วยในกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวเหี่ยวย่นนั้น
40% ของกลุ่มจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
22% ดีขึ้นปานกลาง และ
13% ดีขึ้นบ้างเล็กน้อย
*โดยดูผลจากการเปรียบเทียบกับการเก็บภาพก่อนรักษา ในกลุ่มที่มีปัญหารอยแผลเป็นเก่า พบว่า 60% ของกลุ่มดีขึ้นมากหลังการรักษา 5-6 ครั้ง แผลเป็นที่ได้ผลดีที่สุดคือที่เป็นหลุม
ผู้บุกเบิกในเรื่องการใช้เข็มกับผิวหน้าอีกท่านหนึ่งคือ Dr.Andre Caminrand ศัลยแพทย์พลาสติกชาวแคนาดา ซึ่งได้พบวิธีนี้จากการสังเกตโครงสร้างผิว และรอยบุ๋มของแผล จากการรักษาผู้ป่วยที่มาทำศัลยกรรมตกแต่งผิวหน้าและเคยมีประสบการณ์ในการสักเพื่ออำพรางรอยแผลเป็น เขาจึงทดลองศัลยกรรมตกแต่งผิวหน้าบริเวณที่เป็นแผลเป็นด้วยการสักโดยไม่ใช้ สี และสังเกตโครงสร้างกับสีผิว เขาได้ตีพิมพ์บทความที่ได้จากบทสรุปของเขาใน JACPS ในปี 1992
การทำเดอร์มาโรลเลอร์ นี้ปลอดภัยต่อทุกสภาพผิวและสีผิว ไม่มีความเสี่ยงในการเป็นรอยแดง-ดำจากการอักเสบ (สีผิวที่เข้มขึ้นจากการบาดเจ็บของผิว) เช่นเดียวกับผิวหนังแท้ที่จะไม่เกิดความเสียหายระหว่างการใช้เข็มในขั้นตอน การทำเดอร์มาโรลเลอร์ นี่เป็นประเด็นหลักซึ่งจะมองเห็นความปลอดภัยได้อย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบการใช้เข็มเดอร์มาโรลเลอร์ กับการทำหน้าด้วยวิธีการอื่นๆ เช่นการทำ laser การลอกหน้าด้วยเคมี และการกรอหน้าด้วยอัญมณี
ในความเป็นจริงแล้ว Derma Roller จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ชนิดหนึ่ง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาไม่เคยอนุญาตให้ มีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย และไม่เคยให้การรับรองใดๆ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัย และสรรพคุณหรือ ข้อบ่งใช้ยังไม่ชัดเจน แต่ปัจจุบันปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นจากการโฆษณา จูงใจให้มีการซื้อขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในอินเทอร์เน็ตอย่างมากมาย ในหลากหลายเว็บไซต์ ซึ่งหากผู้บริโภคซื้อและมีการนำไปใช้อย่าง ไม่ถูกวิธี รู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้ว ก็จะทำให้เกิดอันตรายต่างๆ ตามมามากมาย ทั้งนี้ อาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น
- ใช้ไม่ถูกวิธี ทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ระคายเคืองจากสารที่ทาบนผิวหนัง หรืออาจเกิดอันตรายต่อดวงตา เมื่อนำไปใช้บริเวณใบหน้าใกล้หรือรอบๆ ดวงตา
- ความสะอาดของเครื่องมือ หากเครื่องมือไม่สะอาดจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ หากจะใช้ควรต้องเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง
- ผู้ให้บริการไม่ใช่แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทำให้ไม่มีความชำนาญในการทำและอาจทำให้เกิดความ ผิดพลาดได้ง่าย นอกจากนี้ผู้ให้บริการยังไม่เข้าใจในหลักการทำงานของเครื่องและหลักการดูแลรักษาเครื่อง อย่างแท้จริง
- ใช้ปะปนกับผู้อื่น ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ หรือแม้จะไม่ใช้ปะปนกับผู้อื่นก็ต้องระมัดระวังในการทำความ สะอาดและฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธีเช่นเดียวกัน
- ผู้รับการรักษา ต้องระมัดระวังในเรื่องความสะอาด โดยการหลีกเลี่ยงแสงแดดและฝุ่นละออง
ดังนั้น ในการเลือกซื้อเลือกใช้หรือก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพใดๆ ผู้บริโภคควรใช้วิจารณญาณให้ดีในการอ่านบทความโฆษณาต่างๆ ไม่ว่าทั้งในสื่อ สิ่งพิมพ์ อินเทอร์เน็ตหรือทางวิทยุหรือโทรทัศน์ก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด